วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556


เทคนิคและเคล็ดลับสู่การเล่น Heroes of Newerth แบบมืออาชีพ ตอนที่ 1

          สวัสดีครับแฟนๆ Heroes of Newerth ทุกท่าน เคยมีหลายคนถามหาเทคนิคและเคล็ดลับการเล่นHoN ให้สมกับเป็นมืออาชีพมากับทางทีมงาน Gr8game ค่อนข้างเยอะพอสมควร ทางทีมงานเราจึงพยายามค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อนำเป็นแนวทางและวิธีการเล่นให้กับเพื่อนๆ ที่อาจจะเป็นมือใหม่ หรือที่เคยผ่านสมรภูมิมาแล้ว เพื่อพัฒนาวิธีการเล่นของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไปอีกครับ
          ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า บทความนี้ได้ถูกเรียบเรียงขึ้นจากประสบการณ์และความรู้ของผู้เล่น HoNในระดับมืออาชีพ ซึ่งไม่ได้เขียนขึ้นแบบเจาะจงวิธีการเล่นเฉพาะฮีโร่บางตัว แต่ในบทความนี้จะเป็นคู่มือที่บอกถึงเคล็ดลับและเทคนิคต่างๆ เพื่อให้ผู้เล่นทุกคนสามารถเรียนรู้ นำไปใช้ และฝึกฝน ได้อย่างง่ายๆ

เทคนิคและเคล็ดลับขั้นพื้นฐาน
เทคนิคทั่วไป
- เมื่อคุณต้องใช้  Bottle of Tears Health Potion หรือ  Mana Potion ในการฟื้นฟูเลือดและมานาของตัวเอง ให้สลับ  Steam Boots ของตัวคุณเองไปเป็นสาย Agi  ซึ่งจะทำให้คุณสามารถฟื้นฟูเลือดและมานาได้ใกล้เคียงกับพลังชีวิตสูงสุดหรือมานาสูงสุดมากกว่า และเมื่อฟื้นฟูเลือดและมานาเสร็จก็ให้สลับSteam Boots กลับไปยังรูปแบบเดิม มันจะช่วยให้เลือดหรือมานาของคุณได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณใช้ Steam Boots สาย Str พลังชีวิตสูงสุดของคุณอยู่ที่ 600 หน่วยใช้และในตอนนั้นคุณมีพลังชีวิตเหลือเพียง 450 หน่วย และเมื่อคุณสลับ Steam Boots เป็นสาย Agi พลังชีวิตสูงสุดของคุณจะเหลือเพียง 550 หน่วย และพลังชีวิตที่เหลือของคุณก็ยังคงมีเพียง 450 หน่วยเช่นเดิม เมื่อคุณใช้ Health Potion ในการฟื้นฟูพลังชีวิตจะทำให้คุณได้พลังชีวิตกลับคืนมา 100 หน่วย กลายเป็นตอนนี้คุณจะมีพลังชีวิต 550 หน่วย และเมื่อสลับ Steam Boots กลับเป็นสาย Str เหมือนเดิมจะทำให้พลังชีวิตคุณในตอนนี้มีทั้งหมด 600 หน่วย เป็นต้น
- โจมตีฮีโร่ฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ในเลนเดียวกันเพื่อดึงครีปให้เข้ามาโจมตีคุณเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการป้องกันไม่ให้ครีปฝ่ายเราดันขึ้นสูงเกินไป เพราะจะทำให้เราเก็บเลเวลลำบากและอาจจะโดน gang จากฝ่ายตรงข้ามได้
- ยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มอัตราในการหลบหลีก 25% แล้วยังทำให้คุณสามารถมองเห็นทุกการกระทำของคู่ต่อสู้ กลับกัน คู่ต่อสู้จะไม่รู้เลยว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่
- คุณสามารถทำการ Denied เพื่อนของคุณเองได้เมื่อเพื่อนของคุณใกล้จะตาย แต่ถ้าเพื่อนของคุณติดสถานะคำสาปจะไม่สามารถ Denied ได้ ถ้าสามารถ Denied ฝ่ายตรงข้ามได้จะได้รับเงินมากกว่า 500 ทอง
- มีสกิลหลายสกิลที่ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ อย่างเช่น หายตัวกับอมตะ เป็นต้น
- สกิลบางสกิลสามารถหยุดการทำงานของสกิล A.O.E ได้ อย่างเช่น สกิล อัลติเมทของ Chronos, Tempest หรือ Pollywog Priest เป็นต้น
- ไอเทม  Sol’s Bulwark สามารถสลับสับเปลี่ยนให้เพิ่มเกราะหรือลดเกราะได้ มีวิธีใช้คล้ายๆ กับ Steam Boots
- ความสามารถของไอเทม  Daemonic Breastplate ส่งผลต่อป้อมปราการด้วย เป็นไอเทมที่มีความสามารถในการใช้ดันป้อมปราการหรือป้องกันป้อมปราการได้อย่างดีเยี่ยม
- ไอเทม  Logger’s Hatchet สามารถสร้างความเสียหายปกติให้แก่ Siege ยูนิต ซึ่งจะได้รับความเสียหายเต็มที่โดยไม่มีการลดค่าความเสียหายลง
- สกิลที่ใช้มานาน้อยๆ อย่าง สกิล Taint Soul ของ Dark Lady สามารถกดดันศัตรูได้เป็นอย่างดี และ Last-Hit ครีปได้อย่างสบายๆ
- สกิลบางสกิลใช้โจมตีพื้นที่เป้าหมายได้ดีกว่าเลือกโจมตีเป้าหมายเฉพาะ อย่างเช่นสกิล Dragonfire ของ Pyromancer กับสกิล Call of the Valkyrie สกิลพวกนี้จะเลือกโจมตีศัตรูที่สามารถมองเห็นได้ทั่วไป แต่จะโจมตีเป้าหมายที่หายตัวหรืออยู่ในหมอกไม่โดน
- พยายามพกไอเทม  Homecoming Stone ติดตัวไว้ตลอดเวลา นอกจากที่จะทำให้คุณสามารถคุณการเล่นในแผนที่ได้แล้ว ยังช่วยให้คุณหลบหนีจากการโดน Gang ของฮีโร่ที่ไม่มีสตันหรือใช้สตันไปแล้วได้อีก
- ถ้าคุณเก็บ Rune Illusion ได้ ให้คุณบังคับร่างปลอม 1 ตัวไปทำการโจมตีและหลอกล่อศัตรู พยายามบังคับให้เหมือนร่างจริง เพื่อที่จะทำให้ศัตรูใช้สกิลใส่ร่างปลอมให้ได้
- เมื่อต้องการเก็บรูน Invis ลง  Bottle of Tears คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชาร์จที่สะสมอยู่ในขวดจนหมด ใช้เพียงแค่ชาร์จเดียวก็สามารถเก็บรูน Invis ได้แล้ว
- คุณสามารถใช้ไอเทม  Runes of the Blight หรือ  Logger’s Hatchet เพื่อตัดต้นไม้ให้เป็นช่องทางในการ Stack ครีปได้
 Logger’s Hatchet ไม่สามารถโจมตีขึ้นไปบนเนินได้
- สัตว์เลี้ยง ร่างแยก   Wards ต่างๆ มันมี่ของ Pharaoh และแมงมุมของสกิลอัลติเมท Arachna ถ้าทำลายสิ่งเหล่านี้จะได้ทองด้วย
- คุณสามารถซื้อไอเทมอย่าง   Wards,  Health Potion Mana Potion ได้ที่ร้านค้ากลางป่า และสามารถผสมไอเทมให้สำเร็จได้ด้วย อย่างเช่น  Steam Boots Shaman’s Headdress หรือ Iron Shield เป็นต้น
- ภายในป่ามีสถานที่ให้ซ่อนตัวเยอะแยะมากมาย ซึ่งคุณสามารถเข้าไปซ่อนตัวหลังต้นไม้ได้โดยใช้ Logger’ Hatchet หรือ  Runes of the Blight ตัดต้นไม้ และเข้าไปหลบอยู่ข้างใน

เทคนิคสำหรับฮีโร่
- Bubbles สามารถใช้  Portal Key คู่กับสกิลต่างๆ ของเขาได้ เมื่อเกิดการปะทะกับคู่ต่อสู้ และใช้สกิลทั้งหมดไปเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้ Portal Key ในการหนีไปยังจุดปลอดภัยได้ หรือจะใช้ Portal Key เข้าไปดักทางคู่ต่อสู้ แล้วหนีออกมาด้วยสกิล Shell Surf ก็ได้
- ฮีโร่ใดๆ ก็ตามที่มีสัตว์เลี้ยง สามารถที่จะเทเลพอร์ตตัวเองไปยังที่สัตว์เลี้ยงของตัวเองอยู่ได้ด้วยไอเทม Post Haste อย่างเช่น Tundra สามารถเทเลพอร์ตไปหา Shiver สัตว์เลี้ยงของขาได้
- Vindicator เป็นฮีโร่ที่สามารถ Counter ฮีโร่บางตัวได้ดี อย่างเช่น Pebbles, Bubbles หรือ The Chipper เป็นต้น
- สกิล Flagellation ของ Gladiator สามารถใช้ควบคู่กับสกิล Showdown ได้เป็นอย่างดีในการจัดการกับฮีโร่ที่มีค่าพลังชีวิตน้อยๆ เมื่อกดใช้ Flagellation แล้วให้หันไปตีครีปตามทิศทางที่ฮีโร่จะย้อนกลับมาจะทำให้สกิล Showdown ทำงานและจัดการกับฮีโร่ตัวนั้นได้ด้วย ถ้าเป็นการ Denied ครีปสกิลจะไม่มีการนับ Cooldown
Myrmidon สามารถ  Wave หนีสกิลอย่าง Charging Strikes ของ Dark Lady, Wall of Mummies ของPharaoh, Fissure ของ Behemoth และ  Illusory Veil ของ Empath ถึงแม้บางสกิลจะทะลุผ่านไม่ได้ แต่ะ Myrmidon ก็จะหาช่องทางที่สามารถหนีได้ด้วยการ Wave นี่เอง
- อัลติเมทของ Soulstealer จะโจมตีศัตรูทุกตัวที่อยู่ใกล้ๆ โดยไม่คำนึงถึงวิสัยทัศน์ใดๆ ทั้งสิ้น
- สกิล Spiders Mines ของ Engineer และสกิล  Overgrowth ของ Emerald Warden สามารถใช้ดักครีปป่าได้
- สกิล Piercing Shards ของ Tundra ไม่เคยมีคำว่าพลาดถ้าทำการล็อคเป้าหมายแล้ว
- เมื่อ Demented Shaman ใช้สกิล Unbreakable ใส่เป้าหมายพันธมิตรแต่สกิลยังไปไม่ถึง และเป้าหมายตัวนั้นตายก่อน จะทำให้สกิลรีเซต Cooldown ทันทีและจะได้รับมานาคืนทั้งหมดด้วย
- ถ้าต้องการใช้สกิล Healing Wave อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ ก่อนใช้ให้คุณและเพื่อนของคุณยืนอยู่ระหว่างฮีโร่หรือครีปฝ่ายตรงข้าม หลังจากนั้นให้คุณใช้สกิล Healing Wave ใส่เพื่อนของคุณ มันจะทำให้คุณสามารถสร้างความเสียหายให้กับเป้าหมายและฟื้นฟูพลังให้กับคุณและเพื่อนของคุณได้ด้วย
Accursed และ Devourer สามารถ Denied ตัวเองได้ด้วยสกิลของพวกเขาเอง
- สกิลอัลติเมทของ Witch SlayerPyromancer และ Plague Rider ไม่สามารถหยุดยั้งได้แต่สามารถป้องกันได้ด้วยสกิลที่ให้ความอมตะ
- สกิล Wall of Mummies ของ Pharaoh สามารถใช้ปิดเส้นทางเพื่อหลบหนีได้ โดยใช้สกิลในจุดที่ต้องการปิดกั้น และทำลายมัมมี่ในช่องทางที่ต้องการหลบหนี
- มีหลายสกิลที่สามารถสร้างความเสียหายให้ป้อมปราการได้เป็นอย่างดี เช่น สกิล Explosive Flare ของFlint Beastwood หรือสกิล Chuck ของ Pebbles เป็นต้น
- สกิล Lighting Blast และ Lighting Storm ของ Thunderbringer สามารถทำให้มองฮีโร่ที่หายตัวอยู่ได้ ถ้าฮีโร่เหล่านั้นอยู่ใกล้ๆ กับเป้าหมายที่โดนโจมตี
- สกิล  Dark Swarm ของ Tremble สามารถใช้เพื่อการหลบหนีได้เป็นอย่างดี
Monkey King สามารถกระโดดข้ามก้อนหินที่ถูกทำให้แตกขึ้นด้วยสกิล  Wan Jin Slam และถ้ากระโดดข้ามสิ่งก่อสร้างทั้งหลายระยะกระโดดจะไกลเป็น 2 เท่า
Balphagore สามารถสร้างลูกน้องออกมาข้างหน้าตัวเองได้ด้วยศพที่กินเข้าไป  และสามารถนำมาฟื้นฟูพลังชีวิตให้กับตัวเองได้ในเวลาที่โดนไล่ล่า
Dampeer สามารถใช้สกิลอัลติเมทของเขากับครีปได้ เพื่อทำการเก็บ Essence และฟื้นฟูพลังชีวิตให้กับตัวเองอย่างรวดเร็ว
Nighthound สามารถใช้สกิล Pounce เพื่อเก็บรูนได้ดีกว่าพันธมิตรคนอื่นๆ
Swiftblade และ Predator มีสกิลที่สามารถป้องกันการโจมตีด้วยเวทย์ได้ ทำให้สามารถหลบหนีจากการ Gang โดย Nuker และ Stunnerได้เป็นอย่างดี
Bombardier พยายามใช้สกิล Boom Dust ใส่ครีปในขณะที่เรากำลังโจมตีอยู่บ่อยๆ เพราะนอกจากจะให้การเก็บทองและเลเวลง่ายขึ้นแล้ว ยังเป็นการก่อกวนฮีโร่สายตีประชิดของฝั่งตรงข้ามได้อีกด้วย
- สกิล Desert’s Curse ของ Sand Wraith และสกิล Path of Destruction ของ Amun-Ra สามารถทำให้วิ่งทะลุสิ่งกีดขวางรวมถึงยูนิตต่างๆ ได้ทั้งหมด
- สกิล Showdown ของ Gladiator เมื่อสกิลมีเลเวล 2 ขึ้นไปจะโจมตีโดนทุกครั้ง
          นี่เป็นเพียงเทคนิคและเคล็ดลับเบื้องต้นเท่านั้นนะครับ ยังคงมีเทคนิคและเคล็ดลับในขั้นกลางและขั้นสูง ให้เพื่อนๆ ได้ศึกษากันอีกครับ

Nomad นักฆ่าผู้ที่ผ่านการไล่ล่ามาอย่างโชกโชน ได้ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในตอนเย็นที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงจากทะเลทราย เขาได้ทำหน้าที่เป็นนักส่งสารของ Legion ที่มีต้นกำเนิดจากทะเลทรายที่ถูกทอดทิ้ง ข่าวลือว่าเขาตามล่า Sand Wraith มาเกือบชั่วชีวิตของเขา และเขายังไม่เป็นที่ไว้ใจของชาว Legion อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ความสามารถและความว่องไวของเขา จะนำพาเขาและดาบที่คูใจไปไล่เข่นฆ่าพวก Hellbourne ต่อไป
ค่าพลังพื้นฐานของฮีโร่ Nomad
ชื่อฮีโร่ : Nomad
ฝ่าย : Legion
ประเภท : AGI
ระยะโจมตี : 128 (Melee)
ความเร็วในการโจมตี : 0.8 ครั้งต่อวินาที
พลังโจมตี : 54-58
HP : 492                                    HP Regen : 1.79 หน่วยต่อวินาที
Mana : 260                              Mana Regen : 0.81 หน่วยต่อวินาที
STR : 18                                     STR ต่อเลเวล : 2
AGI : 22                                    AGI ต่อเลเวล : 2.6
INT : 20                                    INT ต่อเลเวล : 2.2
เกราะป้องกัน : 2.58                 ลดการโจมตีทางกาย : 13.4%
เกราะป้องกันเวทย์ : 5.5           ลดการโจมตีทางเวทย์ : 24.8%
รูปแบบการเล่นโดยรวมของ Nomad
Nomad เป็นฮีโร่ที่มีเล่ห์เหลี่ยมต่อศัตรูอย่างมาก เดาทางได้ยากว่า Nomad จะทำอะไร Nomad มาพร้อมกับการโจมตีที่รุนแรงอย่างมาก ด้วยสกิล Mirage Strike และ Wanderer และยังมีสกิลสุดแสบอย่าง Edge Counter ที่จะสะท้อนการโจมตีของศัตรูกลับไปเป็นคลื่นพลัง Nomad นั้นเป็นทั้ง Ganker ที่จัดว่าสร้างความเสียหายได้ดีมากและเป็น Semi-Carry ด้วย การเล่น Nomad นั้นจะดีมากหากได้ไปเลนกลางคนเดียว เพราะจะทำให้เขาได้เลเวลและเงินไวมาก รวมถึงจะทำให้เขาเก็บ Rune ได้สะดวกเพื่อที่จะไปไล่แก๊งในเลนอื่นๆ ด้วย
ข้อมูลรายละเอียดสกิลของ Nomad
Sandstrom (Q)
เรียกพายุทรายเพื่อห่อหุ้มตัวเองและฮีโร่ฝั่งเดียวกันให้อยู่ในสถานะล่องหน และยังเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ ของตัวเองพร้อมทั้งลดความเร็วของฝั่งตรงข้ามอีกด้วย
ประเภท : สกิลเรียกใช้
เป้าหมาย : ตนเอง
รัศมีของสกิล : 300
Mana ที่ใช้ : 75
Cooldown : 24/20/16/12 วินาที
เมื่อใช้สกิล จะสร้างพายุทรายเป็นเวลา 4 วินาที ช่วยให้ยูนิตฝั่งเดียวกันได้รับความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 5/10/25/20% และทำให้อยู่ในสถานะล่องหน ส่วนศัตรูจะถูกลดความเร็วในการเคลื่อนที่ลง 7/14/21/28%
Tips : ใช้ได้ทั้งในจังหวะไล่ล่าหรือหนีได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อศัตรูอยู่ในทรายเขาจะเคลื่อนที่ช้าลง นอกจากจะใช้เพื่อตัวเองแล้ว หากเห็นเพื่อนร่วมทีมโดนไล่ล่า ควรจะวิ่งกลับไปรอรับเพื่อน แล้วกดใช้สกิลนี้เพื่อพาเพื่อนหายตัวหนีไปด้วยกัน
Mirage Strike (W)
เมื่อทำการเรียนสกิล Mirage Strike จะมีสกิลให้ใช้แยกเป็น 2 อย่างคือ True Strike กับ Mirage Strike
ประเภท : สกิลเรียกใช้
เป้าหมาย : ศัตรู
ระยะในการใช้สกิล : 500
Mana ที่ใช้ : 90
Cooldown : 16/14/12/10 วินาที
สกิล True Strike
- วิ่งไปโจมตีเป้าหมายและสร้างความเสียหาย 80/120/160/200 และเพิ่มความไวในการโจมตี 20/40/60/80 เป็นเวลา 3 วินาที
สกิล Mirage Strike
- ส่งร่างแยกวิ่งไปโจมตีศัตรูและสร้างความเสียหาย 40/60/80/100 ในขณะเดียวกัน จะได้รับสถานะล่องหนเป็นเวลา 3 วินาที
คูลดาวน์จะถูกรีเซ็ต เมื่อศัตรูถูกฆ่าในระยะ 500
Tips : การใช้ Mirage Strike ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะทำให้เราสามารถถอยมาตั้งหลักหรือหายตัวเพื่อรอทำการอื่นๆ ได้อีก แต่หากเป้าหมายอยู่นิ่งๆ เช่นการมีเพื่อนสตั้นหรือจับไว้ให้ ก็ให้เราใช้ True Strike เพื่อโจมตีได้แรง และยังตามเข้าไปโจมตีได้อีกด้วย
Wanderer (Passive)
รวมพลังไว้ในดาบของเขาขณะเคลื่อนที่และใช้พลังนั้นโจมตีใส่ศัตรู
เป็นสกิลติดตัวที่จะสะสมพลังการโจมตีไว้ขณะกำลังเคลื่อนที่ ช่วยเพิ่มโบนัสให้กับพลังโจมตีขึ้น 40/60/80/100% เมื่อเคลื่อนที่ครบระยะ 1000
หากสะสมชาร์จ น้อยกว่า 20 ชาร์จ การโจมตีจะส่งผลเท่ากับความแรง 25 ชาร์จ
Edge Counter (R)
สะท้อนการโจมตีกลับในชั่วพริบตาด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว เขาจะดูดพลังของศัตรูที่โจมตี และใช้มันสวนกลับไป ด้วยคลื่นพลังขนาดใหญ่
ประเภท : สกิลเรียกใช้
ระยะของสกิล : 625
Mana ที่ใช้ : 100/125/150
Cooldown : 60/45/30 วินาที
เมื่อกดใช้ ลอยตัว กลางอากาศ 1 วินาที ในระหว่างสถานะนี้ Nomad จะสามารถ สะท้อนการโจมตี ของศัตรูกลับ ไปด้วยคลื่นพลังยักษ์  ส่งผลให้ มึนงง 2/2.5/3 วินาที และสร้างความเสียหายเป็นเวทย์ 200/310/420 หน่วย
Tips : การที่จะใช้สกิลนี้เราต้องดูการโจมตีจากศัตรูให้ดี เพราะหากกดใช้แล้วไม่ได้รับการโจมตีจากศัตรู สกิลนี้จะถือว่าเสียเปล่าไปเลย หากเจอกับศัตรูที่ใช้สกิลที่ไม่ได้ส่งผลทันที่ อย่างเช่นการปาค้อนของ Hammerstrom หรือท่าสตันของ Witch Slayer ก็ให้กดใช้สกิลนี้สวนกลับไปได้เลย สำหรับคนที่ใจกล้าบ้าบิ่น อาจจะกด True Strike เข้าไปโจมตีกลางดงศัตรู เมื่อโดนโจมตีก็ให้กดใช้สกิลนี้ ศัตรูทั้งกลุ่มก็มีสิทธิ์โดนผลสะท้อนของสกิลนี้เช่นกัน
ไอเทมแนะนำสำหรับ Nomad
Ghost Marchers  – Helm of the Black Legion – Shieldbreaker
Assassin’s Shroud  –   Shrunken Head   –  Riftshard
แนะนำเทคนิควิธีการเล่น Nomad
ไอเทมเริ่มต้น (Starting Items)
Runes of the Blight  – Iron Buckler  –  Logger’s Hatchet
การเล่นในช่วงต้นเกมของ Nomad (Start Game)
ในช่วงต้นเกม การไปเลนกลางคนเดียวจะดีที่สุด ให้เน้นเรื่องการเก็บเงินเป็นหลัก ใช้สกิล Mirage Strike ส่งร่างแยกไปตอดศัตรูบ้าง ให้ซื้อ Bottle of Tears มาก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อที่จะได้ใช้สกิล Mirage Strike ได้บ่อยขึ้น และพยายามวิ่งไปเก็บRune ด้วย หากเราได้ Rune ดีๆ อย่าเช่น Haste ก็ให้เล็งหาเป้าหมายที่จะไป Gank ได้เลย และสิ่งสำคัญ Edge Counter ไม่ได้มีไว้ในเฉพาะสถานะการที่เราเป็นฝ่ายถูกโจมตีเท่านั้น แต่การ Gank ก็สามารถใช้ได้ดีเช่นกัน เมื่อศัตรูเห็นเรา เป็นธรรมดาที่จะต้องตอบโต้ ให้เล็งจังหวะนั้นให้ดี ๆ และจัดการซะเลย จากนั้นให้ทำ Ghost Marchers และ Helm of the Black Legion ตามมา
การเล่นในช่วงกลางเกมของ Nomad (Mid Game)
Nomad ในช่วงกลางเกม สกิลของเราก็ใกล้จะครบแล้ว ความแรงก็ยิ่งมากขึ้น ให้เราเติมเกมรุกด้วยการซื้อ Shieldbreaker และ Assassin’s Shroud ต่อได้เลย ทีนี้เราก็มีพลังโจมตีเพิ่มขึ้นมากแล้ว แถมยังเสริมเล่ห์เหลี่ยมของเราเค้าไปอีก การมี Assassin’s Shroud จะช่วยให้เราต่อคอมโบของเราได้ดีขึ้นมาก และยังเอาตัวรอดได้ดีอีกด้วย พยายามวิ่งไล่แก๊งศัตรูให้มากๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับทีม
การเล่นในช่วงท้ายเกมของ Nomad (Late Game)
Nomad ในช่วงท้ายเกม เราอาจจะไม่ได้เปรียบศัตรูเหมือนต้นเกมถึงกลางเกม ให้เราซื้อ Shrunken Head มาไว้เสริมการป้องกันของเรา จะช่วยได้มากในจังหวะปะทะ เพราะหาก Nomad โดนสกิลไปสักหน่อยก็มีหวังได้นอนแน่ และตัว Nomad นั้นต้องเข้าไปสร้างความเสียหายในระยะประชิดด้วย จึงมีความเสี่ยงมาก แต่เมื่อมี Shrunken Head ก็ทำให้หายห่วงในเรื่องนี้ไปได้เลย แล้วให้เพิ่มพลังโจมตีไปด้วย Riftshard เข้าไปอีกแรง แถมยังมีโอกาสโจมตีติด Critical อีกด้วย ในการปะทะก็ให้มีสมาธิเพราะการใช้ Counter Edge นั้น สามารถทำให้อะไรเปลี่ยนไปได้มากมาย
การเล่นเป็นทีมของ Nomad (Team Work)
หน้าที่ของ Nomad ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการแก๊ง เพราะด้วยสกิลของมัน จะสามารถจบชีวิตของศัตรูได้อย่างรวดเร็ว และยังมีสกิลหนีเอาตัวรอดได้ดีอีกด้วย แต่ Nomad นั้นยังติดค้างอยู่ที่คำว่า Semi-Carry ซึ่ง อาจจะโหดเป็น Carry เลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และการเล่นของเราเอง ในการปะทะ หากเราใช้ Counter Edge ได้ถูกจังหวะละก็ จะทำให้การปะทะนั้นง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว